3 ความลับ ที่ทำให้ Peterson System Pipe ขายดี
คนที่กำลังเริ่มสนใจ หรือผู้ที่อยู่ในวงการไปป์ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อ “ไปป์ปีเตอร์สัน” (Peterson Pipes)จะบอกว่าเพราะเป็นโรงงานไปป์เก่าแก่ หรือทำการตลาดดี ก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือการที่แบรนด์สัญชาติ Ireland นี้ยังคงครองใจนักสูบมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือคุณภาพสินค้า การันตีด้วยเสียงยืนยันของผู้ใช้ทั่วโลก ว่าเป็นแบบนั้นจริง ซึ่งในบรรดาคอลเลคชั่นสร้างชื่อ ที่ทำให้ Peterson โดดเด่น นอกจากคอลเลคชั่นไปป์ Sherlock Holmes แล้ว อีกรุ่นที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ระบบซีสเทมไปป์ที่คิดค้นขึ้นโดย Charles Peterson และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับระบบที่ว่านี้ให้มากขึ้น กับ 3 ความลับ ที่ทำให้ Peterson System Pipe ขายดี
ประวัติโดยย่อ ของ ไปป์ Peterson
เรื่องราวของ Peterson เริ่มต้นขึ้นในปี 1874 หลังจากที่ นาย Frederick Kapp ได้ย้ายกิจการร้านขายไปป์ ของตัวเองจาก London ไปที่ เมือง Dublin ประเทศ Ireland โดยได้เปิดกิจการใหม่เพื่อขายยาเส้น และไปป์ที่ทำจาก Meerschaum (เมียร์ชอม คือ แร่สีขาวที่ดูดซับน้ำได้ดี แต่เปราะแตกง่าย) และ ไม้ Briar ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างแปลกใหม่ในตลาด หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี Frederick ได้จ้างช่างไม้ชาวลัตเวีย ที่ชื่อ Charles Peterson เข้ามาเพื่อช่วยในส่วนของการผลิตและซ่อมแซมสินค้า
Peterson ทำงานกับ Kapp มาตลอดจนถึงปี 1890 ซึ่งเป็นเวลา 15 ปี ที่ต้องดูแลรักษา และซ่อมไปป์ให้กับลูกค้า จนตัวเองมีข้อมูลเพียงพอ ในการออกแบบไปป์ของตัวเอง ที่สามารถ แก้ปัญหาซ้ำๆ ที่คนสูบไปป์ต้องเจอ เป็นที่มาของการผลิต Peterson System Pipe และมีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อ “ปิดช่องโหว่” ให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และได้จดสิทธิบัตรสำหรับการคิดค้นนวตกรรมที่ว่านี้ รวมไปถึงการได้รับรางวัลการันตีจากงานนิทรรศการผู้ค้ายาสูบนานาชาติ ที่แสดงให้เห็นว่าผลงานนี้ได้รับการยอมรับจากคนในวงการ
ความเป็น ไปป์ Peterson System Pipe คือ?
เป้าหมายของการผลิต Peterson System Pipe คือต้องตอบโจทย์ผู้ใช้จริง ไม่ได้เน้นให้เป็นของสะสม เหมือนกับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ ที่มีการประดับของแต่งสวยงาม แต่เน้นที่การออกแบบอย่างเรียบง่าย โดยคำนึงถึงธรรมชาติของคนสูบเป็นหลัก จากฝีมือการออกแบบของช่างซ่อมไปป์ที่มีประสบการณ์ 15 ปี และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมระบบ System Pipe ของ Peterson จึงอยู่ยงคงกระพันมาได้ถึงขนาดนี้
3 ความลับ ที่ทำให้ Peterson System Pipe ขายดี
สิ่งที่ทำให้ System Pipe ได้รับความนิยมมาตลอด ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1. แหวนครอบ (Army Mount) 2. การเจาะรูภายในเพื่อดักความชื้น และ 3. ส่วนก้านที่เป็น P-Lip
- แหวนครอบ (Army Mount)
วงแหวนครอบที่จุดเชื่อมต่อของส่วนเบ้า กับ Mouthpiece ที่มีลักษณะงุ้มเข้าเหมือนหุ้มเกราะโลหะให้ไม้ จะเรียกว่า Army Mount หรือบางครั้งก็ใช้คำว่า Military Mount เหตุที่ต้องเสริมวงแหวนครอบให้เป็นพิเศษ ก็เพราะบริเวณนี้คือส่วนที่บอบบางที่สุด และชอบมีปัญหาเรื่อง การแตกร้าว ไม้ขยายตัว หดตัว หรือผิดรูปทรง จนทำให้ไปป์หลวม ซึ่งเป็นสาเหตุจากความชื้น และอุณหภูมิ โดยไปป์ที่มีการหุ้มด้วยวงแหวนลักษณะเช่นนี้ จะมาคู่กัน กับ Mouthpiece ที่เป็นเดือยแบบ ดันเข้าไปเฉยๆ (Push Style) เพื่อไม่ให้ส่วนนี้เข้าไปในรูเดือยเยอะเกินไป ด้วยการออกแบบดังกล่าว ทำให้ผู้สูบสามารถถอดด้ามไปป์เพื่อทำความสะอาดได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอเวลาให้ไปป์เย็นเหมือนไปป์รุ่นทั่วๆไป
ภาพการเจาะระบบ System Pipe ภายใน: ลูกศรด้านบนสุด แสดงถึงรูเจาะที่มีความกว้างมากกว่าช่องให้ลมผ่านทั่วไป ลูกศรตรงกลาง คือการเจาะรูให้เลยลึกลงไป ลูกศรด้านล่างสุด จะถูกเจาะให้โค้งเข้าด้านใน รับกับความโค้งของก้นเบ้า
2. ระบบการเจาะ แบบ System
หัวใจหลักของ System Pipe ก็คือระบบการเจาะรูภายใน ซึ่ง Charles Peterson ได้จดสิทธิบัตรไว้ตั้งแต่ปี 1890 และเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญที่สุด แต่ก็มีหลายคนที่เข้าใจผิด ว่าช่องที่อยู่ภายในนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำลายของคนสูบ แต่อันที่จริงมันถูกดีไซน์เพื่อทำให้ควันเย็นลง และดักความชื้นที่เกิดขึ้นตอนสูบต่างหาก โดยสิ่งที่สำคัญมี 2 ส่วน คือ รูเจาะแรกที่อยู่สูงกว่าไปป์รุ่นปกติทั่วไป จุดนี้เหมือนการบังคับให้ลมลอยขึ้นสูง แล้วไปปะทะกับผนังรอบๆ ทำให้ส่วนที่เป็นความชื้นไหลลงมารวมกันด้านล่าง ซึ่งมีการเจาะรูลงไป เพื่อดักรออยู่แล้วเป็นส่วนที่สอง เท่ากับว่าเป็นการกรองความชื้นแบบเสร็จสรรพตั้งแต่ส่วน Bowl ก่อนที่ควันจะไปถึง Stem ซะด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ไปป์ที่เป็นระบบ System Pipes มักจะมีช่วงก้านไปป์ ตรงจุดที่เชื่อมต่อกับฐาน ที่ดูกลมหนาๆ อวบๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรองรับการเจาะระบบภายใน ตามแบบฉบับดั้งเดิม และไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่คิดค้นในปี 1890 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นเกียรติกับ Charles Peterson ผู้คิดค้นนวัตกรรมนี้
3. ปากคาบแบบ P-LIP
ส่วนนี้คือจุดที่เตะตาที่สุด และเป็นหนึ่งในส่วนที่เกิดการถกเถียงกันมากที่สุดเช่นกัน อย่างที่เห็นว่าไปป์ทั่วไปป์มีปลายปากคาบแบบ Fishtail คนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Peterson และ ระบบ System ก็ยกมือเชียร์ปากคาบแบบ P-LIP สุดใจ ในขณะที่คนเคยสูบไปป์ที่มีปากคาบแบบเดิมๆ ก็รู้สึกไม่ชิน และขอให้ทำปลายปากคาบแบบเดิมดีกว่า (ซึ่งอันที่จริงตอนนี้ Peterson ก็มีให้เลือกทั้ง 2 แบบ) ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ Charles Peterson กล้าที่จะฝืนความเคยชินของนักสูบ และเสี่ยงกับกระแสตอบรับในแง่ลบ ย่อมต้องมีเหตุผล และต้องเป็นเหตุผลที่สำคัญมากๆ ของการทำให้ประสิทธิภาพของไปป์ระบบ System นี้สมบูรณ์แบบ
- รูให้ลมผ่านด้านในมีขนาดแคบลงเรื่อยๆ จากใหญ่ไปเล็ก (Graduated Bore)
ส่วนนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับระบบ System Stem เพราะมันคือการเจาะรูภายใน Mouthpiece เพื่อเปิดช่องให้ลมผ่าน โดยจุดแรกที่ลมเข้า มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 mm. และค่อยๆ เรียวเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือแค่ 1.5 mm. เมื่อจุดปลายสุดที่ปากสัมผัส การออกแบบลักษณะนี้จะช่วยลดกำลังของการสูบให้อ่อนลงถึง 15 เท่า ด้วยเหตุนี้ของเหลว ที่เป็นน้ำมันทาร์ขมๆ ก็จะถูกดักและไหลลงต่ำสู่ช่องที่เจาะรอไว้ด้านล่าง โดยไม่มีทางไหลย้อนกลับขึ้นมาถึงปากคนสูบ
- ปากคาบแบบ P-LIP
ที่จริงแล้วในการจดสิทธิบัตรครั้งแรกของ Charles Peterson ก็ออกแบบให้ปลาย Mouthpiece เป็นแบบ Fishtail ที่มีช่องให้ลมออกอยู่ตรงกลางของส่วนปลายเหมือนไปป์ทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว ก็ได้ไอเดียในการอัพเกรดให้ดีขึ้นได้อีก ด้วยการออกแบบส่วนปลายปากคาบ ที่สัมผัสกับปากคนสูบให้เป็นปุ่มเหมือนรูป “โดมครึ่งเสี้ยว” และมีรูให้ลมออก ในขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 mm. ที่หันขึ้นด้านบน แทนที่จะอยู่ด้านหลังเหมือนไปป์ปกติ ซึ่งรูปทรงที่แหวกแนวนี้ มีไว้เพื่อประโยชน์ 3 อยางคือ
- ลดปัญหาอาการเจ็บลิ้น ลิ้นแตก ของคนสูบไปป์: ปกติแล้วควันที่ออกมาด้านหลังของปลายปากคาบ จะลอยมากระทบกับลิ้นโดยตรง การหันองศาของช่องให้ลมออกขึ้นบนเพดานปาก จะช่วยเรื่องนี้ได้
- ช่วยให้ได้รสชาติของใบยาสูบชัดเจนขึ้น: การปรับองศาของช่องลมออกให้เล็ก และลอยขึ้นด้านบน จะช่วยให้ควันกระจายได้ดี ช่วยให้ปุ่มรับรสที่อยู่ในปาก ได้สัมผัสกับรสชาติใบยาสูบได้เต็มที่ ผู้สูบก็จะรับรู้ถึงรสของใบยาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
- ง่ายต่อการคาบ: การออกแบบปุ่ม P-LIP ให้เหมือนรูปโดมครึ่งเสี้ยว ทำให้คนสูบสามารถวางพักลิ้นได้สบายขึ้น โดยเฉพาะคนที่ชอบสูบแบบคาบไปป์ไว้ที่มุมปาก
การที่แบรนด์ไปป์ Peterson ได้นำเสนอนวัตกรรมดังกล่าวออกมาและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง รวมถึงมีการแจกแจงวิธีการออกแบบอย่างเปิดเผย สิ่งเหล่านี้ในวงการการผลิตไปป์ จึงไม่ถือว่าเป็นความลับ และมีการนำไอเดียดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น ไปป์ VAUEN ก็มีไปป์ให้เลือกเป็นแบบ Fishtail และ P-LIP แต่อาจจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย แบรนด์ไปป์ Savinelli ก็มีรุ่น Dry System ที่เป็นการเจาะช่องดักความชื้น และนำมาเชื่อมกับการกรองด้วยไม้ Balsa ซึ่งเป็นจุดขาย เป็นต้น
สำหรับใครที่สนใจอยากจะลอง Peterson System Pipe สามารถสอบถามรายละเอียดจากทางร้าน Vapourhouse ในทุกช่องทางการติดต่อ หรือดูสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ หมวดหมู่ ไปป์ Peterson สำหรับรูปทรงของไปป์ใน คอลเลคชั่น Peterson System Pipe นั้นมีให้เลือกหลากหลายรูปทรง หลายขนาด และมีพื้นผิวของไม้ที่แตกต่างกันตามรุ่น ซึ่งแต่ละแบบจะถูกกำกับไว้ด้วยเลขรหัส อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูต่าง แต่ไปป์จาก Peterson ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นระบบ System Pipe ก็มี 3 สิ่งที่สำคัญ ตามที่ได้กล่าวมาอย่างครบถ้วน และเป็น 3 ความลับ ที่ทำให้ Peterson System Pipe ขายดี มาจนถึงทุกวันนี้
Credit: petersonpipenote